Sunday, October 10, 2010

จัดงาน เลี้ยงแต่งงาน ริมทะเล


"ทะเล" เป็นหนึ่งในสถานที่แห่งความทรงจำของใครหลายๆ คน และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความหลังแสนหวานกับทะเล และมีโปรแกรมที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแล้วล่ะก็ การจัดงานแต่งงานริมทะเลบนเกาะส่วนตัวนับเป็นทางเลือกที่จะล็อกความทรงจำดีๆ ให้คงอยู่คู่ความรักของคุณตลอดไป ขั้นตอนการเตรียมงาน ไม่ต่างจากการจัดงานแบบอินดอร์เท่าไหร่ เพราะต้องเริ่มจากการกำหนดธีมงานที่อยากได้หรือรูปแบบที่ชอบ รวมถึงบรรยากาศโดยรวมที่อยากให้เกิดขึ้น และที่สำคัญต้องสรุปให้ได้ว่าจัดกันเองไหวไหม หรือจะจ้างออร์แกไนท์เซอร์มาทำแทนดี จากนั้นก็นำสิ่งที่คิดได้มาลงมือทำ ถ้าลำดับได้อย่างนี้แล้วเรื่องยากก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายทันที ธีมของงาน หรือรูปแบบการจัดงาน


รูปแบบการจัดงานเป็นสิ่งแรกที่ต้องขบให้แตกคิดให้ตกก่อนการจัดงาน เพราะเป็นสิ่งที่สะท้อนความต้องการและความเป็นตัวเองของคุณทั้งสองคนมากที่สุด เป็นด่านแรกที่ต่อยอดเพื่อให้เกิดขั้นตอนต่อไป ดังนั้นจึงต้องทำความเข้าใจร่วมกัน โดยแบ่งเป็นเป็นข้อๆเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ดังนี้


++ 1. บรรยากาศในงาน แน่นอนว่าการจัดงานแต่งงานริมทะเล หรือว่าบนเกาะส่วนตัว คุณทั้งคู่คงอยากได้บรรยากาศส่วนตัวที่เป็นกันเองสบายๆ ไม่เป็นทางการมากเกินไป


++ 2. โทนสี อย่าลืมว่าสีทุกสีมีความหมาย และสื่อถึงอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป คนส่วนใหญ่มักมองว่าสีฟ้าคือทะเลสีขาวเป็นหาดทราย สีของการจัดงานจึงจำกัดอยู่แค่สีฟ้า-ขาวเท่านั้น แต่ไม่จำเป็นเสมอไป เพราะคุณอาจมีสีเฉพาะสำหรับสองเราอยู่ในใจ ซึ่งไม่ผิดแต่อย่างใดที่จะนำสีนั้นเข้ามาเป็นตัวชูโรงในงานแต่งงานของคุณเอง


++ 3. ลักษณะของงาน ไหนๆ ก็มาถึงทะเลแล้วเลือกจัดงานแบบเอ้าท์ดอร์เพื่อให้อินกับบรรยากาศทะเลได้อย่างเต็มที่จะดีกว่ามาก การเลือกสถานที่ จะง่ายมากถ้าคุณทั้งสองมีสถานที่แห่งความรักอันหวานฉ่ำอยู่แล้ว แต่ถ้าสถานที่ของคุณไม่เหมาะกับการจัดงาน อาจเป็นเพราะว่าชายหาดไม่สวย หรือเป็นชายหาดยอดฮิตที่คนเยอะมาก ก็คงต้องหาสถานที่ใหม่ เพราะถ้าชายหาดไม่สวย มีสิ่งปลูกสร้างบนหาด หรือมีคนเยอะเกินไปก็ไม่เหมาะ เพราะงานของคุณจะกลายเป็นงานไทยมุง ฝรั่งมุง หมดความโรแมนติกกันพอดี


สำหรับหลักการเลือกสถานที่เบื้องต้นนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นข้อๆ ดังนี้


++ 1. ควรลงความเห็นกันก่อนว่าชายหาดที่ชอบเป็นแบบใด และจังหวัดไหน ริมทะเลทั่วไปหรือเป็นเกาะส่วนตัว


++ 2. เมื่อได้สถานที่ที่ต้องการแล้ว เริ่มสำรวจพื้นที่ที่หมายตาไว้แล้วศึกษาเรื่องค่าเช่าหรือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเรื่องต่างๆให้ละเอียด


++ 3. ควรจูงมือกันสำรวจว่าสถานที่นั้นมีวัสดุในท้องถิ่นหรือของพื้นบ้านอะไรที่เป็นเอกลักษณ์น่าสนใจบ้าง เช่น อาจจะไปเดินตลาดแถวนั้น ดูว่าดอกไม้พื้นบ้านคือดอกอะไร เผื่อไว้ใช้ประโยชน์ในการตกแต่งซุ้มในงาน เป็นต้น หรืออาจจะเช็คกับทางสถานที่ว่ามีอะไรที่ตรงกับความต้องการของเราให้หยิบยืมได้บ้าง ลักษณะที่เหมาะสมที่สุดในการจัดงานแต่งงาน คือ ชายหาดที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง มองสบายตา ซึ่งจะทำให้เราเนรมิต พื้นที่ได้ดังใจ ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ สถานที่สวยที่อยากแนะนำ


ถ้าคุณต้องการความเป็นส่วนตัวภายใต้ความสวยและโรแมนติกแล้วล่ะก็ แนะนำให้จัดงานบนเกาะส่วนตัว อย่างเช่นเกาะทะลุ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เกาะมันนอก จังหวัดระยอง ส่วนชายหาดที่แนะนำ ได้แก่ ชายหาดริมทะเลของจังหวัดภูเก็ต อย่างไรก็ตาม การเลือกสถานที่ ควรคำนึงถึงการเดินทางของแขกที่มาร่วมงานด้วย ถ้าเห็นว่าไกลเกินไป ชายหาดริมทะเลหัวหินหรือปราณบุรี ก็เป็นอีกที่ ที่อยากแนะนำ แม้ทะเลและหาดทรายจะไม่สวยสมบูรณ์แบบเท่าภูเก็ต แต่ด้วยความเก่าแก่ของสถานที่ ก็ช่วยให้งานอบอุ่นและมีเสน่ห์ น่าประทับใจไปอีกแบบ ช่วงเวลาจัดงานแต่งงาน เ


ลือกเดือนให้เหมาะ เพราะทะเลมีปรากฏการณ์ น้ำขึ้นน้ำลง เป็นตัวแปร ในแต่ฤดูกาล เวลาน้ำขึ้นน้ำลงจะแตกต่างกัน ดังนั้นทำให้เวลาในการจัดงานเลี้ยงต้องสั้น กระชับ ไม่ยืดเยื้อ ช่วงเวลาที่ดีที่ดีสุดจะเป็นช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่ เดือนเมษายน-มิถุนายน และช่วงหน้าหนาวตั้งแต่เดือนตุลาคม-มกราคมของทุกปี เพราะคลื่นลมไม่แรงมาก และปริมาณน้ำในช่วงนั้นก็ไม่สูงมากนัก


เลือกเวลาให้ถูก งานแต่งงานริมชายหาดมักแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงพระอาทิตย์อัสดง ถือเป็นเวลาที่โรแมนติกมากที่สุดที่บ่าวสาวนิยมใช้เวลานี้แลกแหวนแต่งงานกัน ส่วนอีกช่วงหนึ่งคือ ช่วงค่ำหลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว มักเป็นช่วงปาร์ตี้หลังแต่งงานของญาติสนิท และเพื่อนฝูง แสงเทียนวิบวับ และลมทะเลเย็นสบาย ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้โรแมนติกแบบไม่ต้องแต่งเติม


ลิสต์รายชื่อแขก เนื่องจากเป็นการจัดงานแต่งงานที่ต้องให้แขกเดินทาง การลิสต์รายชื่อแขกจึงเป็นเรื่องสำคัญและต้องพิถีพิถันมาก ถ้าไม่นับคุณพ่อคุณแม่ของทั้งสองฝ่ายที่พร้อมหิ้วกระเป๋าไปกับคุณด้วยแล้ว ต้องเช็คเหล่าบรรดาญาติๆ และเพื่อนๆ ด้วยว่าพร้อมหรือเปล่า และที่สำคัญต้องนับจำนวนคนให้พอดีไม่ควรมีเผื่อลบเผื่อเกินเด็ดขาด เพราะจำนวนของแขกจะเป็นตัวกำหนดค่าใช้จ่ายทั้งหมดในงาน การตกแต่งในงาน ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ทำให้คอนเซ็ปต์ที่วางไว้ก่อเป็นรูปร่างขึ้นในสถานที่จริง แต่ไม่ว่าคุณวางแผนอะไรไว้ เมื่อลงมือทำจริงๆ ควรคิดไว้เสมอว่า การตกแต่งสถานที่ ควรเป็นไปอย่างเรียบง่าย เคลื่อนย้ายได้สะดวก และควรใช้วัสดุที่หาได้จากท้องถิ่นมาใช้ตกแต่งให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เปลืองแรงในการขนย้าย ช่วงเวลาของการจัดงาน เลือกเวลาเย็นก่อนพลบค่ำสำหรับการจัดงานบนหาด เพราะเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ทอแสงโรแมนติกสุดท้ายให้เป็นของขวัญก่อนลับหายไปในทะเล ก่อนได้เวลาประกอบพิธีควรให้แขกทุกคนทานอาหารเย็นให้เสร็จเรียบร้อยก่อนทำพิธี เพราะหลังจากเสร็จพธีจะเข้าสู่ช่วงเวลาปาร์ตี้เครื่องดื่ม ปาร์ตี้หลังงาน แน่นอนว่าปาร์ตี้นี้ยังคงได้ย่ำทรายกันอย่างสนุกสนาน เพราะคุณเอกเลือกจัดงานใต้ต้นไม้ใหญ่ริมหาด ตกแต่งกิ่งไม้ด้วยโคมไฟญี่ปุ่นที่สว่างจ้าด้วยแสงนีออนภายใน คริสตัลรูปหยดน้ำขนาดต่างๆ ที่ห้อยอยู่บนกิ่งไม้คอยสะท้อนแสงไฟล้อกับแสงดาว ให้บรรยากาศของงานดูหรูหรามากขึ้น ตั้งโต๊ะกลมขายาวตัวเล็กสำหรับวางโคมไฟ และเครื่องดื่มในงาน
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ช่อดอกไม้สำหรับเจ้าสาว เนื่องจากลมและแสงแดด บริเวณริมชายหาด ค่อนข้างแรง ดอกไม้ที่ใช้ตกแต่งภายในงานจึงควรเลือกดอกไม้แบบที่ทนต่อแดดและแรงลม เช่น กล้วยไม้ตระกูลต่างๆ ดอกหน้าวัว หรือจะนำดอกไม้ในท้องถิ่นอย่างดอกลีลาวดีขาวมาจับช่อก็ได้อารมณ์ของทะเลดี สำหรับงานแต่งงานริมหาดบนเกาะมันนอก คุณเอกออกแบบบูเก้สำหรับเจ้าสาวเป็นวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น อย่างเช่นใบเฟิร์นป่า กิ่งกัลปังหา หอยชนิดต่างๆ นำมาจับช่อรวมกับดอกกุหลาบสีขาว (สิ่งเดียวที่นำมาจากฝั่ง) และเพิ่มความพิเศษด้วยใบสัปปะรดสี พันก้านช่อบูเก้ด้วยริบบิ้นสีเขียวตามคอนเซ็ปต์ของงาน เค้กแต่งงาน เค้กแต่งงานถือเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของงาน โดยทั่วไปเค้กแต่งงานมักตกแต่งด้วยครีมหลากสี ตามความต้องการของคู่บ่าว-สาว แต่เนื่องจากงานนี้แตกต่างจากงานแต่งธรรมดาตรงที่จัดขึ้นริมชายหาดที่สายลมและแสงแดดค่อนข้างแรง Fondant cake จึงเป็นเค้กที่เหมาะที่สุดสำหรับงานแบบนี้ ด้วยลักษณะของบเค้กที่ด้านนอกคลุมด้วยน้ำตาลแข็ง มีผิวเรียบ คุณสมบัติคงรูปได้นาน จึงแน่ใจได้ว่าเค้กจะยังคงสวยอยู่จนถึงเวลาตัดเค้ก ดนตรี แนะนำให้พกวีซีดี หรือ แผ่นเพลง MP3 ที่ชอบไปด้วย แล้วแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของรีสอร์ตเดินสายไฟ ลากลำโพงมาให้ในบริเวณจัดงาน หรือถ้าชอบการแสดงสด แนะนำให้เพื่อนๆ ที่รู้จักและเล่นได้บรรเลงเป็นเพลงอคลูสติกจากกีตาร์จะประหยัดและเหมาะกับการขนย้ายมากที่สุด แสงไฟ ไม่ควรให้แสงจ้าเกินไป เพราะงานริมหาดส่วนมากจะสร้างบรรยากาศด้วยการจุดเทียน หรือ คบเพลิง ถ้าแสงไปจ้าเกินไปจะกลบแสงธรรมชาติเหล่านี้ ทำให้เสียบรรยากาศของงานได้ งบประมาณในการจัดงาน


งบประมาณเป็นเรื่องที่คุณเจ้าบ่าวและเจ้าสาวควรคำนึงถึง ไม่น้อยไปกว่าขั้นตอนอื่นๆ เพราะงานจะใหญ่ จะเล็ก สวยได้มาก ได้น้อย ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณในกระเป๋าทั้งสิ้น

วิธี พิจรณา จัดหา สถาณที่ จัดงานเลี้ยงแต่งงาน

เรื่องงบประมาณที่ตั้งไว้สำหรับจัดเลี้ยงว่ามีความสมดุลกับลักษณะการจัดงานที่ต้องการ และเหมาะสมกับ


ลักษณะ ของครอบครัวทั้งสองฝ่าย หรือไม่ สมมติว่าคุณมีงบประมาณอยู่จำนวนหนึ่งที่พอเหมาะกับการจัดเลี้ยงเล็ก ๆ แบบเป็น

กันเองอาจจะเป็นแบบ บุปเฟ่ต์หรือโต๊ะจีน และอาจจะจัดภายในอาคารหรือนอกอาคารก็ได้ ซึ่งตรงกับความต้องการของบ่าวสาว

และไปกันได้ดีกับลักษณะ ครอบครัวและญาติของทั้งสองฝ่าย จากนั้นจึงค่อยลิสต์รายชื่อแขกที่ต้องเชิญ และเริ่มเสาะหาสถานที่

แต่งงานที่เหมาะสม



2. ไปตรวจดูสถานที่จัดเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นสโมสร หอประชุม หรือโรงแรมไว้หลาย ๆ แห่ง เพื่อเปรียบเทียบดูขนาดพื้นที่

ราคา บริการ และความสะดวกในการ เดินทาง หรือถ้าคุณมีสถานที่ที่ตั้งใจเลือกไว้แล้วก็ควรโทรนัดหมายเพื่อขอดูห้องจัดเลี้ยง

พร้อมกับบอกถึง สไตล์ของงาน ที่ต้องการและจำนวนแขกทั้งหมดเพื่อให้ Wedding Consult พาไปชมห้องจัดเลี้ยง

ได้ตรงจุดประสงค์มากที่สุด





3. ต้องถามถึงรายละเอียดเกี่ยวกับห้องจัดเลี้ยงให้ชัดเจน อาทิ



สอบถามเรื่องราคา ว่าบริเวณสวนหรือห้องจัดเลี้ยงสนนราคาเท่าไร ราคานี้เฉพาะค่าสถานที่หรือรวมเรื่องการจัดเลี้ยง

ทั้งหมดไว้แล้ว ถ้ารวมแล้ว รวมค่าอะไรไว้บ้าง แต่ถ้ายังไม่ได้รวมคิดค่าใช้จ่ายแต่ละอย่างไว้อย่างไรบ้าง



สอบถามเรื่องความจุและระยะเวลาในการจัดงาน ว่ารองรับคนได้มากน้อยแค่ไหน สามารถเช่าได้กี่ชั่วโมง ถ้างานเลิกช้า

กว่านี้ คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม อย่างไร



สอบถามเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม ว่าอาหารที่จะจัดให้ในวันงานมีอะไรบ้าง เปลี่ยนแปลงรายการได้ไหม ขอชิมอาหาร

ที่จะใช้ก่อนได้ไหม นำอาหารจากที่อื่นเข้ามาแทนได้หรือไม่ ถ้ามีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเองจะคิดค่าเปิดขวดไหม มีบริการให้กี่คน

กรณีที่เป็นการจัดเลี้ยงแบบค็อกเทลจะมีบาร์เทนเดอร์ให้ไหม ราคาเริ่มต้นสำหรับแขกจำนวนน้อยที่สุดที่ต้องการันตีคิดเท่าไหร่



สอบถามเรื่องเค้ก ว่ามีเค้กอะไรบ้าง ขอชิมได้ไหม ถ้าสั่งมาจากข้างนอกจะคิดค่าใช้จ่ายอย่างไร

สอบถามเรื่องการจัดดอกไม้และการตกแต่งสถานที่ ว่าจะใช้ดอกไม้ชนิดไหนมาจัด เลือกชนิดเองได้ไหม ถ้าจะสั่งดอกไม้

มาจากข้างนอกจะคิด ราคาอย่างไร มีข้อจำกัดในการตกแต่งไหม มีอุปกรณ์ในการตกแต่งอะไรให้ยืมบ้าง



สอบถามเรื่องบริการด้านเครื่องเสียง จัดให้มีวงดนตรีมาเล่นในงานด้วยได้หรือไม่ มีเครื่องขยายเสียง เครื่องดนตรี

ปลั๊กไฟให้หรือไม่ มีจอพรี เซ็นเทชั่นพร้อมอุปกรณ์ให้หรือไม่ เข้ามาขอซ้อมก่อนเริ่มงานได้ไหม หรือถ้าทางสถานที่มี นักดนตรี หรือ

วงดนตรีที่ดีลด้วยกัน อยู่แล้วพอจะแนะนำให้ได้หรือไม่ คิดราคาอย่างไร


สอบถามเรื่องสวัสดิการและกฎข้อห้ามอื่น ๆ เช่น ห้องน้ำสะอาดและเพียงพอไหม ที่จอดรถจุได้กี่คัน คิดค่าจอดรถหรือไม่

ถ้าในวันงานจริง ๆ ทางสถานที่มีการจัดงานมากกว่า 1 งานจะกันพื้นที่ไว้ให้เฉพาะหรือไม่ มีกฎระเบียบข้อห้ามอะไรไหม เช่น

ห้ามส่งเสียงดัง ตอนกลางคืน ไม่รับจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน หรือต้องใช้อุปกรณ์ตกแต่งสถานที่ ดอกไม้ และเมนูอาหาร ของทางสโมสร

หรือหอประชุมแห่งนี้เท่านั้น เป็นต้น



4. ควรรีบสรุปให้เร็วที่สุด เพราะทุกสถานที่จะให้สิทธิกับคนที่จองโรงแรมก่อนเท่านั้น ถ้าตกลงเลือกแล้วต้องมัดจำ

ไว้ประมาณ 30% เพื่อยืนยันการ จอง แต่ถ้าเกิดมีการ Cancel กะทันหัน เงินมัดจำนี้จะไม่ได้คืน ข้อพิจารณาก่อนการจอง สถานที่จัดเลี้ยง สถานที่จัดงานแต่งงาน สถานที่แต่งงาน สโมสร โรงแรม

หรือการจองเพื่อ ประชุม สัมมนา หรือการจองเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ก็แล้วแต่

ควรพิจารณาจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ถื่อว่าเป็นการป้องกัน ข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้





  • ขอขอบคุณข้อมูลจาก : meedate.com

Thursday, October 7, 2010

ชุดเจ้าสาว ชุดไทย ชุดแต่งงาน ไทยประยุกต์

ชุดเจ้าสาวไทย





เมื่อกล่าวถึงชุดเจ้าสาว แทบทุกคนย่อมมองเห็น ภาพเจ้าสาวฟูฟ่อง ดูเหมือนเราจะลืมกันไปเสียแล้วว่า ชุดเจ้าสาวของผู้หญิงไทย มีรูปแบบที่หลากหลาย ต่างกันไป ตามความนิยมและสภาพสังคมในแต่ละยุค



สตรีมีฐานะในสมัยอยุธยาตอนปลายก่อนเสียกรุง นิยมแต่งกาย ด้วยผ้านุ่งจีบหน้านาง ห่มสไบ โดยเลือกให้ สีตัดกัน เช่น ผ้านุ่งสีเขียว สไบแสด และอาจห่ม สไบอัดกลีบต่างสี สองผืนซ้อน ในวันที่ต้องการสวย เป็นพิเศษหากเป็นชุดสำคัญ อย่างชุดเจ้าสาว ก็จะเลือกเนื้อผ้าที่หรูหรา อย่างผ้ายก ผ้าแพร ทัดหู ด้วยดอกไม้สด มีเครื่องประดับตามฐานานุรูป

ชุดไทย ชุดไทยแต่งงาน

ในบทประพันธ์อิงประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาตอนปลายเรื่องสายโลหิต ของ โสภาค สุวรรณ ตอนที่แม่หญิงดาวเรือง แต่งงานกับขุนไกร ชุดเจ้าสาวของเธอ คือ ผ้านุ่งจีบ หน้านางผืนใหม่ที่อบร่ำ จนหอม พร้อมผ้าห่มสไบอัดกลีบสีตัดกันงดงาม และ ทัดดอกไม้ที่ข้างหู นวนิวยายอีกเรื่อง ที่อิงประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาตอนปลาย จนถึง ต้นยุครัตนโกสินทร์ คือ เรื่องฟ้าใหม่ บทประพันธ์ของ ศุภร บุนนาคกล่าวถึงเครื่องแต่งกายของตัวละครหญิง ในสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี ไว้ในตอนที่แม่พลอยนุ่งสีไรห่มสีไรเพิ่งจะเห็นแค่ชายผ้าห่ม ที่เฉียดไปกับข้างตักเดี๋ยวนี้เองว่าหล่อนห่มแพรสองชั้น ชั้นในสีทับทิมชั้นนอกนั้น กรองไหมโปร่งสีทอง


ชุดไทย ชุดไทยแต่งงาน


ในช่วงศึกสงครามสตรีจำเป็นต้องตัดผมสั้นเพื่อความสะดวกในการหนีภัยผมทรงนี้เรียกว่า ผมปีก คือไว้ผมยาวเฉพาะกลางศรีษะ แต่ปลายจอนที่ยาวลงมาเรียกว่า ผมทัด ใช้เกี่ยวดอกไม้ห้อยเพื่อความสวยงามได้ด้วย ส่วนเสื้อผ้า เปลี่ยนเป็นนุ่งผ้าโจงกระเบน สวมเสื้อ ห่อมผ้าแบบตะเบงมาน ครั้นบ้านเมืองเริ่มสงบลง ก็กลับมาแต่งกายสวยงามกันใหม่ กล่าวคือ นุ่งผ้าโจงกระเบน ห่มสไบจีบ หรือสวมเสื้อแบบรีนบๆในวันปกติ และนุ่งผ้ายก ห่มสไบซ้อนสองชั้นในวันสำคัญ

ชุดไทย

เครื่องแต่งกายเช่นนี้ยังเป็นที่นิยมสืบต่อมา ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นดังที่ปรากฏ ในวรรณคดีไทยเรื่องขุนช้างขุนแผนซึ่งรวบรวมขึ้น ในสมัยรัชกาลที่สองเนื้อเรื่องตอนหนึ่ง กล่าวถึงเครื่องแต่งกายของนางพิมพิลาไลย ในวันไปร่วมงานเทศน์มหาชาติที่วัดป่าเลไลยก์ว่า



“นุ่งยกลายกนกพื้นแดง ก้านแย่งทองระยับจับตาพราย



ชั้นในห่มสไบชมพูนิ่ม สีทับทิมยกดอกดูเฉิดฉาย



ริ้วทองกรองดอกพรรณราย ชายเห็นเป็นที่เจริญใจ”



จวบจนถึงรัชกาลที่สี่ซึ่งเริ่มเปิดประเทศ ติดต่อชาวตะวันตกยุคนี้การแต่งกาย เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง บุรุษต้องสวมเสื้อเวลาเฝ้า ส่วนสตรีในราชสำนัก ยังคงนุ่งผ้าจับหน้านาง ลายทอง ห่มสไบปัก และใช้เครื่องประดับต่างๆแบบไทยโบราณ อาทิ จี้ พาหุรัด เข็มขัด สร้อยตัว ต่างหู แหวน สำหรับหญิงทั่วไป เครื่องแต่งกายออกนอกบ้านมีทั้งเสื้อแขนกระบอกคอกลม ห่มสไบทับนุ่งผ้าลายโจงกระเบนหรือห่มสไบจีบ มีเครื่องประดับตามฐานะหญิงโสดสวม กำไลข้อเท้าด้วย



ความเปลื่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเรื่องเครื่องแต่งกายสตรี เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ห้า ตั้งแต่ช่วงต้นรัชกาล ที่มีให้พระราชดำริเปลื่ยนแปลงเครื่องแต่งกายสตรี นุ่งผ้ายกจีบหน้านาง ห่มตาดหรือห่มสไบปักเฉพาะในงานพิธีเต็มยศใหญ่ นอกนั้นให้นุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อเข้ารูปผ่าหน้า แขนยาว คอกลมหรือคอตั้ง ชายเสื้อแค่เอว ห่มสไบแพรจีบ ที่ต่อมาพับตามยาวให้แคบลงเป็นคอแพรสะพาย ติดเข็มกลัดรวบชาย ผูกไว้ข้างเอวขวา สวมรองเท้าบู๊ตและถุงเท้า



ผ้าโจงกระเบนที่สตรีชาววังใช้กันในสมัยนั้น นอกจากผ้าลายที่หรูหรากว่า ผ้าม่วงนี้ไม่ได้หมายถึงผ้าสีม่วง หากแต่เป็นผ้าที่ทอจากเส้นไหมมีหลายชนิด เช่น ผ้าม่วงหางกระจอกสีเหลือบ ผ้าม่วงดอกม่วงไหมเลี่ยน ม่วงลาย ม่วงคดกฤช

ชุดไทย ชุดไทยแต่งงาน

หลังเสด็จกลับจากยุโรป พ.ศ. 2440 ทรงนำแบบอย่างการแต่งกายของตะวันตกเข้ามาดัดแปลงให้เข้ากับเมืองไทย แบบเสื้อที่นิยมคือเสื้อคอตั้ง แขนยาวแนบสนิทจากข้อมือถึงข้อศอก ต้นแขนพองอย่างขาหมูแฮมติดระบายจีบฟู อกและรอบคอมีลูกไม้ประดับริ้บบิ้นสีเดียวกับแพรสะพาย ผ้านุ่งเป็นผ้าม่วงโจงกระเบน สวมถุงน่องรองเท้าถือผ้าเช็ดหน้าลูกไม้ และกระเป๋าเงินหรือทองถักแบบถักตาขุน



แม่วาดสาวชาววังสมัยรัชกาลที่ห้าจากนวนิยายเรื่องร่มฉัตร ของ ทมยันตี ก็แต่งกายตามความนิยมนี้เช่นกันในวันที่เธอเข้าพิธีสมรสกับคุณอรรถ ดังที่ท่านผู้ประพันธ์บรรยายไว้ว่า “ตอนเช้าวาดนุ่งผ้าม่วงสีตองอ่อน ใส่เสื้อขาหมูแฮมแขนพอง คอจีบร้อยริบบิ้นที่คอและแขนสีเดียวกันกับ ผ้าม่วงและแพรที่สะพายตรึงเข็มกลัดมรกตที่อก บ่า และสะเอวผิวที่บ่มร่ำขมิ้น ดินสอพองไว้นานเหลืองละออ”



ส่วนแม่พลอยของคุณเปรม สาวชาววังยุคเดียวกับแม่วาด จากเรื่องสี่แผนดิน ของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมชนั้น ดูเหมือนจะแต่งงานหลังแม่วาดสักหน่อย เพราะผู้ประพันธ์เล่าถึงที่แม่พลอยตระเตรียมเสื้อผ้าสำหรับออกเรือน หลังจากรับหมั้นว่า “เสร็จจากเรื่องผ้าก็เรื่องเสื้อ ซึ่งเดียวนี้ใส่กันหนาตากว่าแต่ก่อน สมัยนิยมก็เปลี่ยนไปจากเสื้อแขนพองเหมือนขาหมูแฮม กลายเป็นเสื้อแขนธรรมดารัดเอวแน่นและเกี่ยวขอข้างหลัง”



ยุคนั้น สตรีที่เป็นข้าราชการในราชสำนัก เมื่อจะแต่งงาน ก็นิมสวชุดเจ้าสาวแบบ “แหม่ม” ดังกล่าว หรือสวมซิ่นกับเสื้อแบบฝรั่ง ส่วนทรงผม ถ้าไม่ไว้ยาวเกล้ามวย ก็ตัดเป็นทรงชิงเกิ้ล เมื่อออกงานจะคาดเคื่องประดับไว้ที่หน้าผาก แบบของเครื่องเพชรพลอยก็เป็นทางตะวันตกมากขึ้น

ชุดไทย ชุดไทยแต่งงาน

ล่วงมาถึงรัชกาลที่เจ็ด ช่วงต้นนิยมผ้าถุงสำเร็จสั้น เย็บเข้าขอบเอวไม่ต้องคาดเข็มขัด สวมเสื้อตัวหลวมยาว หรือแขนสั้นไม่มีแขนแต่งโบว์ระบายไม่สะพายแพร ใส่สร้อยต่างหูยาว และกำไล ไว้ผมยาวประมาณคาง ดัดเป็นลอน อย่างที่ทำให้แม่พลอยลำพึงว่า “การแต่งตัวของเด็กสาวๆ รุ่นนี้เป็นแบบเดียวกันหมด คือตัดผมบ๊อบ หยิกผมนุ่งผ้าสิ้นสีเดียวกันทั้งผืนไม่มีเชิงไม่มีลาย เหมือนกับผ้าถุงของมอญใส่เสื้อแบบฝรั่ง เปิดจากแบบหนังสือเสื้อแบบต่างๆกันและสีต่างๆกันเริ่ม ต้นด้วยผ้าซิ่นยาวและเสื้อที่ยังมีแขนอยู่บ้างก่อน แต่นานวันเข้าผ้าซิ่นที่นุ่งนั้นก็เริ่มจะหดสั้นเข้า เป็นกระโปรงแหม่มและสั้นขึ้นทุกวันจนน่ากลัว อันตรายเวลาจะนั่งลุกในสายตาของพลอย ส่วนเสื้อที่นิยมใส่กันกลายเป็นแบบฝรั่งจากเมืองนอกแท้ คือเสื้อไม่มีแขนไม่มีเอวปล่อยเป็นรูปกระบอกหลวมๆ ยาวเลยสะโพกลงมาเล็กน้อย เมื่อใช้กับผ้าซิ่นที่หดขึ้นไปก็ทำให้มองเห็น ผ้าซิ่นเป็นขอบเหลืออยู่นิดเดียวพลอยพยายาม จะมองดูแบบการแต่งกายนี้ให้เห็นสวยก็ ไม่สามารถจะมองเห็นทางนั้นได้…



แต่ต่อมาหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจและสังคม รูปแบบของเสื้อผ้าก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเสื้อเรียบๆ เข้ารูป มีคอปกแบบฝรั่ง แขนสั้นบ้างพองบ้าง กับผ้าถุงสำเร็จสั้นหรือยาว ใช้เครื่องประดับแบบตะวันตกพองาม ไม่หรูหราฟู่ฟ่ามากนัก ดังเช่นที่ปรากฏในลายพระหัตถเลขา จากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ทรงมีลายพระหัตถเลขาไปถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาราชานุภาพ ฉบับลงวันที่ 29 กรกฎาคม พุทธศักราช 2479 ซึ่งรวมอยู่ในหนังสือชุดสาส์นสมเด็จทรงเล่าเรื่องข้าหลวงคนหนึ่ง ที่กำลังจะออกเรือนว่า “หญิงอามรับธุระจัดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้สิงโตในการแต่งงาน แต่มีความหนักใจว่าพวกเมืองชลเขาจะไม่ชอบ จึงไล่เลี้ยงสิงโตได้ทราบความแปลกๆ เห็นว่าควรจะกราบทูลให้ทรงทราบด้วยติดจะขันๆ ว่า เสื้อผู้หญิงที่ตัดฟิตอย่างทุกวันนี้พวกเมืองชลชอบ เพราะเข้าแบบเสื้อกระบอกหรือเสื้อเอวที่ซึ่งเคยใส่มาก่อน ส่วนเสื้ออย่างโคร่งคร่างคาดเข็มขัดหลวมๆ ลงไปยานอยู่ที่สะโพกซึ่งเลิกไป แล้วนั่นเขาไม่ชอบว่าเหมือนปลากระบอกท้องไข่ ดัดผมคลื่นเขาเรียกกันว่า ผมกาบมะพร้าว เพราะถูกไฟเกรียมเส้นแข็งเหมือนเส้นกาบมะพร้าว ผู้หยิงที่แต่งแต้มสีปากว่าเป็นหญิงคนชั่ว แปลว่า แบบสากลนั้นชาวเมืองชลไม่ชอบ ทั้งทางบ้านเกล้ากระหม่อมก็ไม่ชอบประกอบกันถึงสองแรง…

ชุดไทย ชุดไทยแต่งงาน

หลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง ผู้คนก็เริ่มแต่งตัวกันเต็มที่อีกครั้งโดยเป็นไปตามแบบตะวันตก อย่างที่ดาราภาพยนต์สวมใส่ มีกระโปรงบานแบบ “นิวลุค” ของห้องเสื้อดิออร์ เป็นต้น ความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในเรื่องเครื่องแต่งกายของสตรีไทย เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2503 ตามพระราชดำริของพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงตระหนักว่าสตรีไทยยังไม่มีชุดประจำชาติอย่างเป็นทางการ จึงโปรดเกล้าฯให้ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค นางสนองพระโอษฐ์ไปปรึกษา กับอาจารย์ผู้รู้เพื่อรวบรวมแบบชุดต่างๆในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่สุโขทัยมาประมวลออกแบบใหม่ ให้เป็นชุดแต่งกายประจำชาติสำหรับสตรีเรียกว่าชุดไทยพระราชนิยม มีแปดรูปแบบให้เลือกสวมใส่ให้เหมาะกับกาลเทศะ ได้แก่



ชุดไทยเรือนต้น เสื้อเข้ารูปแขนสามส่วน คอกลมไม่มีขอบ ผ่าหน้าสวมกับซิ่นยาวป้ายหน้า จะตัดเย็บจากผ้าฝ้ายหรือไหมก็ได้ แต่ไม่ต้องมียกทอง เพื่อจะได้สวมใส่สบาย เหมาะสำหรับงานอย่างลำลอง

ชุดไทย

ชุดไทยจิตรลดา เป็นชุสำหรับพิธีกลางวันใช้ผ้าไหมพื้นหรือยกดอกก็ได้ ผ้าซิ่นยาวป้ายหน้าเสื้อแขนยาว ผ่าอก คอตรงมีขอบตั้ง ความงดงามอยู่ที่เนื้อผ้า



ชุดไทยอัมรินทร์ ลักษณะคล้ายชุดไทยจิตรลดา แต่ใช้ผ้ายกไหมแก้มทองเพราะเป็นชุดพิธีตอนค่ำ ตัวเสื้อเป็นคอกลมกว้างไม่มีขอบ และแขนสามส่วนก็ได้ ผ้าซิ่นยาวป้ายหน้าไม่ต้องคาดเข็มขัด



ชุดไทยบรมพิมาน เป็นชุดที่ใช้ในพิธีตอนค่ำอีกแบบหนึ่ง สำหรับผู้ที่มีรูปร่างดีเพราะผ้านุ่งเป็นผ้ายกทองจีบหน้านางมีชายพก จึงต้องคาดเข็มขัด ตัวเสื้อเข้ารูป คอตั้ง ผ่าหลัง นิยมเย็บตัดกับผ้านุ่ง เป็นชุดยาวเพื่อจะได้ดูตรึงสวย



ชุดไทยศิวาลัย คล้ายชุดไทยบรมพิมาน แต่หรูหรายิ่งกว่า เพราะมีสไบปักห่มทับเสื้ออีกชั้น ใช้ในงานพิธีเต็มยศ

ชุดไทย

ชุดไทยจักรี ท่อนบนเป็นสไบเฉียง ทับด้วยสไบกรองทอง ผ้านุ่งยกทอง จีบหน้านางมีชายพก ค่าดเข็มขัดเพื่อความสะดวกอาจตัดเป็นชุดยาว คือเสื้อเปิดไหล่ข้างหนึ่ง ไม่มีแขน ตัดเย็บกับผ้านุ่ง แล้วห่มสไบทับหรือประยุกต์โดยจีบผ้าติดไว้ที่หัวไหล่ ทิ้งชายยาวแบบชายสไบก็งดงามดี



ชุดไทยจักพรรดิ์ คือชุดไทยสไบเฉียงที่มีความหรูหรามาก เพราะห่มสไบจีบซ้อนด้วยสไบทึบปักลวดลายวิจิตร ผ้านุ่งเป็นผ้ายกทอง จีบหน้านางมีชายพกขาดเข็มขัด พร้อมเครื่องประดับเต็มที่



ชุดไทยดุสิต ตัวเสื้อคอกว้างไม่มีแขน ใช้ผ้าไหมเลี่ยนปักเลื่อมลูกปัด ผ่าหลังหรือผ่าข้างผ้านุ่งจีบหน้านาง มีชายพกคาดเข็มขัด จะเย็บตัวเสื้อติดกับผ้านุ่งเพื่อความสะดวกก็ได้ เหมาะสำหรับงานกลางคืนอย่างงานราตรีสโมสร
ชุดไทย


ชุดไทยพระราชนิยมที่เจ้าสาวส่วนใหญ่แต่งในพิธีมงคลสมรส คือชุดไทยจิตรลดา ไทยบรม และไทยจักรี ส่วนงานฉลองตอนค่ำโดยมากมักสวมชุดแบบตะวันตกสีต่างๆ ไม่เน้นว่าต้องเป็นสีขาว แต่ถ้าจะให้หรู ก็ต้องเป็นฝีมือของนักออกแบบหรือดีไซเนอร์



นัดออกแบบรุ่นแรกเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน ที่โด่งดังมากคือ ม.จ.ไกรสิงห์ วุฒิชัย ตามด้วยคุณวรชาติ ชาตะโสภณ คุณเรณู โอสถานนท์ คุณสิริลักษณ์ ศาสตราภัย คุณยศวดี บุญหลง นอกจากนั้น ยังมีโรงเรียนสอนตัดเสื้ออย่างดวงใจ ระพี พรศรี ที่ช่วยกันพัฒนาวงการแฟชั่นไทย ให้เข้าสู่ยุคเฟื่องฟู ซึ่งเริ่มต้นจากห้องเสื้ออมตะอย่างไข่ บูติก ห้องเสื้อธีรพันธ์ ดวงใจบิส ห้องเสื้อพิสิษฐ์ และห้องเสื้อพิจิตราซึ่งยังยืนยงมาจนทุกวันนี้
ชุดไทย ชุดไทยแต่งงาน


ชุดไทย ชุดไทยแต่งงาน


ชุดไทย ชุดไทยแต่งงาน

ชุดไทย ชุดไทยแต่งงาน

Link : ชุดไทยประยุกต์

แนะนำ สถาณที่จัดงานแต่งงาน

สถานที่ที่จะแนะนำวันนี้ : เรือนเจ้าสาว สาขาปากเกร็ด


เรือนเจ้าสาว สาขาปากเกร็ด

เรือนไทยท่ามกลางแมกไม้ในบรรยายกาศที่ร่มรื่น สำหรับงานพิธีมงคลสมรส มีทั้งห้องประกอบพิธีและห้องจัดเลี้ยงสำหรับแขกจำนวน 50-150 ท่าน เรือนไทยท่ามกลางแมกไม้และห้องจัดเลี้ยงที่ตกแต่งในแบบไทย ประกอบด้วยพิธีสงฆ์ พิธีขันหมาก* พิธีรับไหว้ พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ อาหารบุฟเฟ่ต์จำนวน 60 ท่าน พร้อมเครื่องดื่ม จัดระบบเสียงบรรยากาศแบบไทยๆ พร้อมผู้ดำเนินพิธีอำนวยความสะดวกในทุกขั้นตอน สะดวก ประหยัด และสมเกียรติ อย่างถูกต้องตามประเพณี





พิธีงานมงคลสมรส พิธีเช้า เป็นพิธีที่สำคัญมาก เพราะถือว่าฤกษ์แต่งงาน เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ต้องให้ความสำคัญมากที่สุด การได้คนที่มีความรู้ในการดำเนินงานให้ ถือว่าเป็นเรื่องที่สะดวกที่สุด เกิดความผิดพลาดในการจัดงานน้อย ฤกษ์ที่ดีก็จะทำให้งานแต่งงานเราราบรื่น ไร้อุปสรรค





ขอบคุณภาพ เรือนเจ้าสาว จาก http://ruenjoawsao.multiply.com/











ขอบคุณภาพจาก http://www.ruenjoawsao.com



***************************************************



เคสตัวอย่าง ที่ผู้ใช้บริการ



อาหารและเครื่องดื่ม



1.อาหารถวายพระสงฆ์ 9 รูป+จัดไหว้พระพุทธ+ไหว้กลางแจ้ง



2.อาหารจัดเลี้ยงพร้อมเครื่องดื่มสำหรับแขก 60 ท่าน



3.อาหารว่าง-กาแฟ-โอวัลติล+ขนม จำนวน 60 ชุด





อุปกรณ์ต่างที่เรือนเจ้าสาวจัดเตรียมให้



การนิมนต์พระ ชุดพิธีสงฆ์ ชุดตักบาตร ชุดตั่งหลั่งน้ำ พานรับน้ำสังข์ ตามแบบ P.3 สีโทน P.2 ด้ายมงคล แป้งเจิม ดอกไม้บูชาพระพุทธ ดอกไม้ถวายพระ ดอกไม้มงคล ผ้าทองห่อสินสอด มาลัยบ่าวสาว ชุดเครื่องเสียง ผู้ดำเนินพิธีการ



ลำดับพิธีการ



๐๗.๒๙ – พิธีสงฆ์



- พระสงฆ์ ๙ รูปเจริญพระพุทธมนต์

- คู่บ่าวสาวตักบาตร,ถวายภัตตาหารพระภิกษุสงฆ์

- ถวายปัจจัยดอกไม้ธูปเทียน

- พระสงฆ์อนุโมทนา, ประพรมน้ำมนต์คู่บ่าวสาวกรวดน้ำ

- เสร็จพิธีสงฆ์คู่บ่าวสาวส่งพระ



เวลา ๐๙.๐๙ น. – พิธีขันหมาก



- พิธีรับไหว้ผู้ใหญ่ 2 ฝ่าย



เวลา ๑๐.๒๙ น. – พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ประสาทพร

เวลา ๑๑.๓๐ น. – รับประทานอาหารร่วมกัน (แบบบุฟเฟ่ต์)





แผนที่ เรือนเจ้าสาว ปากเกร็ด





Leave a Reply

Friday, October 1, 2010

การ์ดแต่งงาน ที่ควรรู้

ประเภทของการ์ด


การ์ดที่นิยมใช้กันแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทดังนี้





การ์ดสำเร็จรูป (Ready Card) เป็นการ์ดที่ผู้ผลิตรายใหญ่พิมพ์ขายทีละมากๆ การ์ดแต่ละรูปแบบจึงมีจำนวนมาก การ์ดแบบนี้คุณสามารถใส่ลูกเล่นได้แค่ข้อความ เลือกปั๊มฟรอยสีทองหรือสีเงินเท่านั้น เป็นแบบที่หาซื้อได้ทั่วไป ราคาไม่แพง



ฟิวชั่น/โมเดิร์นการ์ด (Fusion/Modern Card) การผลิตใกล้เคียงกับการ์ดสำเร็จรูป แต่มีรูปแบบและลูกเล่นที่ทันสมัยขึ้น เพราะเป็นแบบที่ดีไซเนอร์ของแต่ละร้านออกแบบเป็นพิเศษและสั่งพิมพ์จำนวนค่อนข้างมาก แต่ละร้านมีแบบหลากหลายให้ลูกค้าเลือก เปลี่ยนได้เฉพาะตัวอักษรเหมือนการ์ดสำเร็จรูป แต่ดีไซน์เฉพาะตัวสวยงามกว่า ราคาไม่แพงมาก



การ์ดปรับเปลี่ยนได้ (Custom-Made Card) มีรูปแบบสวยงามร่วมสมัยมากขึ้น แต่ละร้านมีแบบไว้ให้เลือกอยู่แล้ว คุณสามารถเปลี่ยนสี เปลี่ยนรูปบางส่วนได้ แต่ไม่ได้มากเหมือนการ์ดเฉพาะบุคคล ราคาปลานกลางถึงค่อนข้างสูง ใช้เวลาผลิตนานกว่าการ์ดสำเร็จรูปและโมเดิร์นการ์ด



การ์ดเฉพาะบุคคล ( Personalized Card) การ์ดที่สามารถออกแบบตามความชอบ ปรับรูปแบบดีไซน์ได้ทุกอย่าง เป็นการ์ดแบบยูนีกไม่เหมือนใคร ออกแบบเฉพาะงานของคู่นั้นๆ สามารถออกแบบให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของงาน ร้านทำการ์ดแบบนี้ต้องมีดีไซเนอร์เป็นผู้ออกแบบ ราคาสูง และระยะเวลาการผลิตก็นานที่สุดด้วย



ปัจจัยที่ทำให้การ์ดมีราคาต่างกัน



จำนวน เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่ายิ่งสั่งการ์ดจำนวนมาก ราคาจะยิ่งถูกลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฺ์ดแบบเฉพาะบุคคล ควรสั่งอย่างต่ำ 300 ใบ ไม่เช่นนั้นราคาต่อใบจะค่อนข้างสูง ต่างจากการ์ดสำเร็จรูปและโมเดิร์นการ์ดที่สามารถสั่งพิมพ์จำนวนน้อย เริ่มต้นที่ 50 ใบก็ได้ เพราะจ่ายเพิ่มจากตัวการ์ดเฉพาะค่าบล็อกพิมพ์ข้อความ แต่หากสั่งเยอะราคาการ์ดก็จะถูกลง เพราะฉะนั้นหากต้องการการ์ดจำนวนน้อย ดีไซน์สวย ราคาไม่แพงมาก การ์ดแบบฟิวชั่นก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ส่วนใหญ่แล้วการ์ดสำเร็จรูปและการ์ดโมเดิร์นที่สั่งพิมพ์ 300 ใบขึ้นไป ทางร้านมักไม่เก็บค่าบล็อก ราคาเฉลี่ยตกประมาณใบละสิบกว่าบาท



กระดาษ เนื้อกระดาษก็มีผลสำคัญกับราคาการ์ด กระดาษที่นิยมนำมาทำการ์ดเช่น กระดาษอาร์ต กระดาษมีเท็กเจอร์ต่างๆ และกระดาษมุก ปกติกระดาษอาร์ตมีราคาไม่แพง ในขณะที่กระดาษมุกมีราคาสูงที่สุด



เทคนิค ปัจจุบันการผลิตการ์ดมีเทคนิกหลากหลายรูปแบบ เช่น ปั้มเงิน ปั้มทอง ปั้มนาค ปั้มนูน อาบสปอตให้เกิดความด้านหรือมัน การประดับริบบิ้นและปรุกระดาษ โดยปกติราคาค่าปั้มนูนจะสูงกว่าการปั้มฟรอยสีเงินและสีทองเล็กน้อย แต่การอาบสปอตมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง การประดับริบบิ้นผ้าสวยๆ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 5 บาท เพราะต้องใช้แรงงานคนที่มีฝีมือประณีต ส่วนเทคนิกการปรุกระดาษ หากเป็นลายปรุตรงๆ หรือไม่คดโค้งมาก จะใช้การไดคัทปกติ ราคาจึงไม่แพงมาก แต่หากชอบลายปรุวิจิตรชดช้อย โรงพิมพ์ต้องใช้เลเซอร์ในการตัดกระดาษ ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง



Good Timing



5 เดือนก่อนแต่ง เริ่มหาข้อมูล เก็บเรเฟอร์เร้นท์การ์ดแบบที่ชอบไว้เยอะๆ แล้วนำมาประมวลว่าเรเฟอร์เร้นท์ส่วนใหญ่ที่คุณเลือกเก็บไว้เป็นสไตล์ไหน จะได้มีแนวทางชัดเจนว่าที่จริงแล้วคุณชอบการ์ดแบบไหน สีสันแบบไหนกันแน่ การมีแนวทางที่ชัดเจนจะทำให้เลือกแบบการ์ดได้ง่ายขึ้น ดีไซเนอร์ก็จะออกแบบการ์ดได้ถูกใจคุณมากขึ้น บางคู่เอาการ์ดที่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของธีมงานเลย เพราะการนำตัวอย่างการ์ดไปให้นักจัดดอกไม้ คนจัดสถานที่ของโรงแรมหรือฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จะทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจง่ายขึ้นว่าบ่าวสาวต้องการอะไร



3-4 เดือนก่อนแต่ง เลือกร้านทำการ์ดที่ถูกใจ คุยกับดีไซเนอร์ว่าคุณชอบการ์ดแบบไหน เมื่อดีไซเนอร์ออกแบบแล้วจะส่งแบบมาให้คุณดู หากไม่ถูกใจก็พอมีเวลาปรับเปลี่ยน ระหว่างนี้นำแบบไปให้คุณพ่อคุณแม่ดู เมื่อตกลงเลือกแบบแล้ว ต้องยืนยันจำนวนพิมพ์ หลังจากนั้นประมาณสามสัปดาห์จึงจะได้การ์ด



2 เดือนก่อนงานแต่ง คุณควรมีการ์ดไว้กับตัวแล้ว ยิ่งถ้าแต่งงานช่วงปลายปี ยิ่งต้องรีบทำการ์ดไว้แต่เนิ่นๆ เพราะช่วงปลายปี โรงพิมพ์ทุกที่จะมีงานเยอะมาก ทั้งงานปฎิทิน งานพิมพ์การ์ดอวยพร นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่มีวันหยุดเยอะ เพราะฉะนั้นอย่านอนใจ ควรเผื่อเวลาไว้มากๆ หากเกิดข้อผิดพลาดใดๆ คุณจะได้มีเวลาแก้ไขได้ทัน

การเตรียมตัว แต่งงาน

ขั้นตอน ที่เรากำลังจะพูดถึงนั้น มันก็มีรายละเอียดที่ควรจะมีข้อมูลไว้ด้วยว่าต้องทำยังไง เพราะผมคิดว่าข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นในทุกขั้นตอน




เรื่องแรกเลยคือการเจรจาสู่ขอของผู้ใหญ่สองฝ่าย จะทำแบบทางการหรือไม่ทางการก็ได้ แต่เป็นสิ่งสำคัญ ความจำเป็นแรกคือ คุณพ่อ คุณแม่ สองฝ่ายจะได้รู้จักกัน ผมเคยเจอ คู่บ่าวสาวบางคู่นี่ คุณพ่อ คุณแม่ ไปรู้จักกันเจอกันในวันหมั้นโน่นเลย ผมว่ามันแปลกๆอยู่ อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญกว่าคือ



ผู้ใหญ่สองฝ่ายจะได้ตกลงกันว่าจะจัดงานอย่างไรบ้าง เช่น พิธีรับหมั้นจะทำยังไงที่ไหน จะมีพิธีหลั่งน้ำสังข์หรือไม่มี มีพิธีรับตัวส่งตัวหรือไม่ ฝ่ายไหนจะเป็นคนไปดูวันดูฤกษ์ ไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างไปดูเดี๋ยวได้มาคนละวันก็ตกลงกันไม่ได้อีก งานเลี้ยงจะจัดแบบไหน เล็กใหญ่อย่างไร รวมถึงเรื่องสินสอดทองหมั้นทั้งหลาย ยิ่งถ้าเป็นครอบครัวฝ่ายไทยกับฝ่ายจีนจะมาผูกสัมพันธ์กันยิ่งมีเรื่องต้องตกลงกันเยอะขึ้นอีก ผมคงไม่ลงรายละเอียดว่าวิธีการนั้นควรทำอย่างไร มันเยอะ กลัวไม่ได้คุยข้ออื่นต่อ เอาไว้มีโอกาสค่อยว่ากันนะครับ



ขั้นตอนที่สอง เราค่อยไปเลือกสถานที่ จะได้รู้ว่าต้องดูห้องแบบไหน สำหรับวันไหนบ้าง ต้องใช้ห้องสำหรับพิธีรับหมั้นไหม ต้องดูห้องสำหรับพิธีหลั่งน้ำสังข์ไหม ห้องจัดเลี้ยงขนาดไหนสำหรับงานของคุณ งานค้อกเทลก็ขนาดหนึ่ง งานโต๊ะจีนก็อีกขนาดหนึ่ง รวมถึงต้องใช้ห้องของสถานที่นั้นๆในการส่งตัวด้วยหรือไม่ จะได้เลือกได้อย่างเหมาะสม เรื่องเหล่านี้สืบเนื่องมาจากขั้นตอนที่หนึ่งทั้งนั้นครับ



ขั้นตอนที่สาม คุณค่อยไปดูเรื่องเกี่ยวกับการ์ดเชิญสำหรับงานต่างๆ เช่นการ์ดงานรับหมั้น งานหลั่งน้ำสังข์ และงานเลี้ยงฉลอง รวมถึงจะดูของชำร่วยไปด้วยเลยก็ดีครับ นอกจากนี้ในขั้นตอนนี้เมื่อคุณได้วันมาแล้วรวมถึงสถานที่แล้ว คุณก็ควรจะติดต่อคนที่จะทำชุดให้คุณ ติดต่อจองช่างแต่งหน้าทำผมสำหรับทุกช่วง (รับหมั้น หลั่งน้ำสังข์ และงานเลี้ยง) ติดต่อจองช่างภาพที่จะมาถ่ายในวันที่มีพิธีรับหมั้น พิธีหลั่งน้ำสังข์ รวมถึงงานเลี้ยงงานรับตัวส่งตัว ในขั้นตอนที่สองและที่สามนี้ผมอยากให้ทำอย่างต่อเนื่องกันอย่ารีรอนะครับ



ขั้นตอนที่สี่ กำหนดรูปแบบและวิธีการต่างๆของงานรับหมั้น งานหลั่งน้ำสังข์ พิธีรับตัวส่งตัว งานเลี้ยงฉลอง ว่าจะมีอะไร ต้องทำอะไรบ้าง เช่นงานรับหมั้นก็ต้องไปจัดดูจัดหาเครื่องขันหมาก สินสอดทองหมั้น แหวนหมั้นและส่วนประกอบต่างๆ เตรียมอุปกรณ์ต่างๆสำหรับพิธีหลั่งน้ำสังข์ และดีไซน์คร่าวๆ ว่าในงานเลี้ยงจะตกแต่งอย่างไร ดนตรีเป็นแบบไหน จะไปถ่ายรูป portrait กันไหม จะทำ presentation หรือไม่ ดอกไม้ เวที เค้ก การจัดวาง floor plan การตกแต่งต่างๆในงาน รวมถึงการเลือกอาหารต่างๆว่าจะมีอะไรบ้างให้เหมาะสม ขั้นตอนนี้ควรจะอยู่ระหว่าง 6-8 สัปดาห์ก่อนงานทั้งหลายจะเกิดขึ้น



ขั้นตอนที่ห้า คือการเก็บรายละเอียดและคอนเฟิร์มงานต่างๆ ในขั้นนี้คุณๆคงจะแจกการ์ดกันไปแล้ว คงคาดการณ์จำนวนแขกที่จะมาได้ใกล้เคียงขึ้น และควรมีการคอนเฟิร์มเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ น่าจะสั่งซื้อได้แล้วเมื่อมาถึงชั้นนี้ รวมถึงการจัดหาพิธีกรในการดำเนินรายการในงานเลี้ยงฉลอง และการจัดหาพนักงานต้อนรับบริเวณโต๊ะลงทะเบียน



ลำดับ  ที่ว่ามานี้คือภาพรวมของขั้นตอนการเตรียมตัวเพื่อจะมีการแต่งงาน อาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเล็กๆน้อยแตกต่างกันไปในบางคู่ ขอให้ดูความเหมาะสมก่อนหลังว่าอะไรควรทำก่อนอย่างไรอีกครั้ง อยากให้คุณๆลำดับความสำคัญก่อนหลังให้ดีจะได้ไม่ตื่นตระหนก ตื่นเต้นหรือฉุกละหุก แล้วทุกอย่างก็จะราบรื่น ไม่อยากให้ทำข้ามขั้นตอนไปมานะครับ ส่วนเรื่องรายละเอียดของแต่ละขั้นตอน คงได้คุยกันในโอกาสหน้า