เค้กแต่งงาน ถือเป็นขนมมงคลที่มีความสำคัญในพิธีแต่งงานมาตั้งแต่อดีตกาล โดยมีความเป็นมาจากในสมัยกรีก-โรมัน เมื่อ 5,000 ปีมาแล้ว ซึ่งสมัยนั้นเมื่อมีพิธีแต่งงาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะต้องนำผลไม้และขนมปังมาเป็นเครื่องบรรณาการ บวงสรวงเทพเจ้า เพื่อขอพรให้ชีวิตของทั้งคู่ครองรักกันอย่างมีความสุข ผู้ที่เป็นแขกรับเชิญต่างก็พร้อมใจกันพกพาขนมปังของตนเองมาร่วมในพิธี โดยนำมาวางเรียงกันเป็นกองๆ แล้วให้คู่บ่าวสาวจุมพิตกัน เหนือกองขนมปังดังกล่าว เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรักที่ทั้งสองมีต่อกัน และประกาศว่านับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ฉันและเธอจะรักและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันตลอดไป ซึ่งแขกเหรื่อเจ้าของขนมปังเหล่านั้น ก็คือสักขีพยานในความรักของทั้งคู่ นั่นเอง
ต่อมารูปแบบของขนมปังก็เปลี่ยนไป เมื่อพ่อครัวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งได้นำน้ำตาลและครีมที่มีอยู่ในครัว มาตกแต่งบนกองขนมปังที่แสนจะธรรมดานั้นให้สวยงามยิ่งขึ้น และตั้งชื่อให้ใหม่ว่า "ขนมเค้ก"
เค้กแต่งงานมีความหมายอย่างไร
นอกจากความรักที่คู่บ่าวสาวมีให้แก่กันแล้ว เค้กยังถือเป็นหัวใจสำคัญของการแต่งงานเลยทีเดียว ทั้งนี้ เพราะชาวยุโรปเชื่อว่าเค้กแต่งงานชิ้นแรกที่คู่บ่าวสาวตัด และนำมาป้อนให้แก่กันและกันนั้น คืออาหารมื้อแรกที่ทั้งคู่ได้แบ่งปันให้แก่กันในฐานะคู่ชีวิต โดยเฉพาะ ถ้าเค้กดังกล่าวถูกทำขึ้นด้วยฝีมือของแม่เจ้าบ่าว หรือแม่เจ้าสาว ความหมายและความศักดิ์สิทธิ์ของเค้กแต่งงานก็จะยิ่งทวีค่าเพิ่มขึ้นอีกมากทีเดียว...
วิธีการเลือกเค้กแต่งงาน
เค้กที่ใช้สำหรับพิธีแต่งงาน มักจะเป็นเค้กที่ต่อกันเป็นชั้นๆ ซึ่งจำนวนชั้นของเค้กแต่งงานมักนิยมเป็นเลขคี่ อาทิ 3 ชั้น 5 ชั้น 7 ชั้น โดยจะไม่เกิน 9 ชั้น โดยเริ่มต้นจาก 3 ชั้นเป็นมาตรฐาน เพราะว่าบรรดาแขกที่มาร่วมงานจะได้มองเห็นชั้นบนสุดของเค้กแต่งงานได้อย่างชัดเจน ส่วนในการวางเค้กซ้อนกันนั้น มักนิยมขั้นก้อนเค้กด้วยเสา ซึ่งเค้กแต่งงานชนิดนี้เรียกว่า "เค้กแต่งงานแบบอเมริกัน" นั่นเอง
แต่ก็มีบางคนที่นิยมใช้เค้กชั้นเดียว ที่มีขนาดใหญ่จะเน้นการตกแต่งให้มีความหลากหลาย เค้กแต่งงานชนิดนี้ว่า "เค้กแต่งงานแบบแฟนซี" ซึ่งเค้กแต่งงานชนิดนี้มักจะนิยมเลือกใช้กับงานที่มีเวทีไม่สูงมากนัก
เค้กแต่งงานที่ดีนั้นจะต้องมีเนื้อเค้กที่แน่น พอที่จะรองรับน้ำหนักของเค้กชั้นบนสุดได้ ซึ่งมักจะถูกตกแต่งด้วยวัสดุต่างๆ จำพวกน้ำตาลที่ขึ้นรูป หรือผลไม้ที่นำมาใช้ในการตกแต่งยอดเค้กให้สวยงาม ยิ่งถ้าเป็นเค้กที่วางซ้อนกันหลายๆ ชั้นด้วยแล้ว ยิ่งต้องระวังเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเค้กเนื้อไม่แน่น อาจทำให้เค้กชั้นบนสุดทลายลงมาได้
เลือกเค้กให้เหมาะกับสถานที่จัดงาน
ถ้าสถานที่จัดงานอยู่ใกล้กับร้านที่เราสั่งเค้กก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าสถานที่จัดงานอยู่ไกลออกไปอาจต้องคำนึงถึงเรื่องของการขนส่ง การจัดงานกลางแจ้งควรหลีกเลี่ยงเค้กที่แต่งหน้าด้วยบัตเตอร์ครีม, ช็อกโกแลต หรือวีปครีม ทั้งนี้เพราะอากาศบ้านเรานั้น ร้อนเกินกว่าที่หน้าเค้กจะสามารถทนทานได้ ทางออกที่ดีก็คือการเลือกใช้ ฟรุ๊ตเค้ก ดีไซน์เก๋ๆ น่าจะเหมาะกว่า
อย่างไรก็ตาม การเลือกเค้กแต่งงานย่อมขึ้นอยู่กับงบประมาณ ด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะนิยมใช้เค้กแต่งงานที่มีราคาปานกลาง เช่น
เค้กเนื้อพันจ์
รสวนิลา กาแฟ หรือช็อกโกแลต ซึ่งราคาไม่สูงนัก แต่ต้องเลือกร้านที่ดีพอสมควร โดยดูที่เนื้อเค้กว่าเนื้อเค้ก ในร้านนั้นแน่นมั้ย ครีมที่ใช้เนียนมั้ย เนื้อเค้กหอมหวานรึเปล่า ทานแล้วรสนุ่มกลมกล่อมหรือเปล่า ถ้าทุกอย่างผ่านก็โอเค และหากเป็นไปได้ก็ควรเลือกเค้กซึ่งเป็นร้านเจ้าประจำที่เคยทาน จะเป็นการดีที่สุดสำหรับเค้กที่แพงขึ้นมาอีกขั้น ก็จะเป็นเค้กจำพวก...
บัตเตอร์เค้ก หรือเค้กเนยสด
เนื้อเค้กจะมีความแน่นมากกว่าแบบแรก และเป็นที่นิยมทานกันมากที่สุด
ฟรุ๊ตเค้ก
ซึ่งเนื้อเค้กชนิดนี้จะมีความแน่น และชุ่มชื้นมากกว่าเค้กชนิดอื่น เพราะเนื้อเค้กชนิดนี้มีผลไม้ต่างๆ คลุกเคล้าผสมอยู่ฟรุ๊ตเค้ก เป็นที่นิยมมากในงานแต่งงานของชาวตะวันตก เพราะชาวตะวันตกเชื่อว่า ผลไม้ต่างๆ นั้นหมายถึงการขยายพันธุ์ และการมีลูกหลานสืบต่อไป ดังนั้นจึงนิยมนำผลไม้นานาชนิดมาผสมรวมลงไปในเนื้อเค้ก ซึ่งสามารถเก็บไว้ได้นานเป็นปี ด้วยการนำลูกนัทมาหมักกับบรั่นดี หรือเหล้ารัม แล้วใส่ลงไปในเค้ก ซึ่งตามธรรมเนียมอันเก่าแก่นั้น คู่บ่าวสาวจะต้องเก็บเค้กชั้นบนซึ่งเป็นเค้กชั้นที่เล็กที่สุดเอาไว้ เพื่อนำออกมาทานในวันครบรอบแต่งงานในปีแรกอีกด้วย
เค้กแต่งงาน