ประเภทของการ์ด
การ์ดที่นิยมใช้กันแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทดังนี้
การ์ดสำเร็จรูป (Ready Card) เป็นการ์ดที่ผู้ผลิตรายใหญ่พิมพ์ขายทีละมากๆ การ์ดแต่ละรูปแบบจึงมีจำนวนมาก การ์ดแบบนี้คุณสามารถใส่ลูกเล่นได้แค่ข้อความ เลือกปั๊มฟรอยสีทองหรือสีเงินเท่านั้น เป็นแบบที่หาซื้อได้ทั่วไป ราคาไม่แพง
ฟิวชั่น/โมเดิร์นการ์ด (Fusion/Modern Card) การผลิตใกล้เคียงกับการ์ดสำเร็จรูป แต่มีรูปแบบและลูกเล่นที่ทันสมัยขึ้น เพราะเป็นแบบที่ดีไซเนอร์ของแต่ละร้านออกแบบเป็นพิเศษและสั่งพิมพ์จำนวนค่อนข้างมาก แต่ละร้านมีแบบหลากหลายให้ลูกค้าเลือก เปลี่ยนได้เฉพาะตัวอักษรเหมือนการ์ดสำเร็จรูป แต่ดีไซน์เฉพาะตัวสวยงามกว่า ราคาไม่แพงมาก
การ์ดปรับเปลี่ยนได้ (Custom-Made Card) มีรูปแบบสวยงามร่วมสมัยมากขึ้น แต่ละร้านมีแบบไว้ให้เลือกอยู่แล้ว คุณสามารถเปลี่ยนสี เปลี่ยนรูปบางส่วนได้ แต่ไม่ได้มากเหมือนการ์ดเฉพาะบุคคล ราคาปลานกลางถึงค่อนข้างสูง ใช้เวลาผลิตนานกว่าการ์ดสำเร็จรูปและโมเดิร์นการ์ด
การ์ดเฉพาะบุคคล ( Personalized Card) การ์ดที่สามารถออกแบบตามความชอบ ปรับรูปแบบดีไซน์ได้ทุกอย่าง เป็นการ์ดแบบยูนีกไม่เหมือนใคร ออกแบบเฉพาะงานของคู่นั้นๆ สามารถออกแบบให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของงาน ร้านทำการ์ดแบบนี้ต้องมีดีไซเนอร์เป็นผู้ออกแบบ ราคาสูง และระยะเวลาการผลิตก็นานที่สุดด้วย
ปัจจัยที่ทำให้การ์ดมีราคาต่างกัน
จำนวน เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่ายิ่งสั่งการ์ดจำนวนมาก ราคาจะยิ่งถูกลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฺ์ดแบบเฉพาะบุคคล ควรสั่งอย่างต่ำ 300 ใบ ไม่เช่นนั้นราคาต่อใบจะค่อนข้างสูง ต่างจากการ์ดสำเร็จรูปและโมเดิร์นการ์ดที่สามารถสั่งพิมพ์จำนวนน้อย เริ่มต้นที่ 50 ใบก็ได้ เพราะจ่ายเพิ่มจากตัวการ์ดเฉพาะค่าบล็อกพิมพ์ข้อความ แต่หากสั่งเยอะราคาการ์ดก็จะถูกลง เพราะฉะนั้นหากต้องการการ์ดจำนวนน้อย ดีไซน์สวย ราคาไม่แพงมาก การ์ดแบบฟิวชั่นก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ส่วนใหญ่แล้วการ์ดสำเร็จรูปและการ์ดโมเดิร์นที่สั่งพิมพ์ 300 ใบขึ้นไป ทางร้านมักไม่เก็บค่าบล็อก ราคาเฉลี่ยตกประมาณใบละสิบกว่าบาท
กระดาษ เนื้อกระดาษก็มีผลสำคัญกับราคาการ์ด กระดาษที่นิยมนำมาทำการ์ดเช่น กระดาษอาร์ต กระดาษมีเท็กเจอร์ต่างๆ และกระดาษมุก ปกติกระดาษอาร์ตมีราคาไม่แพง ในขณะที่กระดาษมุกมีราคาสูงที่สุด
เทคนิค ปัจจุบันการผลิตการ์ดมีเทคนิกหลากหลายรูปแบบ เช่น ปั้มเงิน ปั้มทอง ปั้มนาค ปั้มนูน อาบสปอตให้เกิดความด้านหรือมัน การประดับริบบิ้นและปรุกระดาษ โดยปกติราคาค่าปั้มนูนจะสูงกว่าการปั้มฟรอยสีเงินและสีทองเล็กน้อย แต่การอาบสปอตมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง การประดับริบบิ้นผ้าสวยๆ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 5 บาท เพราะต้องใช้แรงงานคนที่มีฝีมือประณีต ส่วนเทคนิกการปรุกระดาษ หากเป็นลายปรุตรงๆ หรือไม่คดโค้งมาก จะใช้การไดคัทปกติ ราคาจึงไม่แพงมาก แต่หากชอบลายปรุวิจิตรชดช้อย โรงพิมพ์ต้องใช้เลเซอร์ในการตัดกระดาษ ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง
Good Timing
5 เดือนก่อนแต่ง เริ่มหาข้อมูล เก็บเรเฟอร์เร้นท์การ์ดแบบที่ชอบไว้เยอะๆ แล้วนำมาประมวลว่าเรเฟอร์เร้นท์ส่วนใหญ่ที่คุณเลือกเก็บไว้เป็นสไตล์ไหน จะได้มีแนวทางชัดเจนว่าที่จริงแล้วคุณชอบการ์ดแบบไหน สีสันแบบไหนกันแน่ การมีแนวทางที่ชัดเจนจะทำให้เลือกแบบการ์ดได้ง่ายขึ้น ดีไซเนอร์ก็จะออกแบบการ์ดได้ถูกใจคุณมากขึ้น บางคู่เอาการ์ดที่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของธีมงานเลย เพราะการนำตัวอย่างการ์ดไปให้นักจัดดอกไม้ คนจัดสถานที่ของโรงแรมหรือฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จะทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจง่ายขึ้นว่าบ่าวสาวต้องการอะไร
3-4 เดือนก่อนแต่ง เลือกร้านทำการ์ดที่ถูกใจ คุยกับดีไซเนอร์ว่าคุณชอบการ์ดแบบไหน เมื่อดีไซเนอร์ออกแบบแล้วจะส่งแบบมาให้คุณดู หากไม่ถูกใจก็พอมีเวลาปรับเปลี่ยน ระหว่างนี้นำแบบไปให้คุณพ่อคุณแม่ดู เมื่อตกลงเลือกแบบแล้ว ต้องยืนยันจำนวนพิมพ์ หลังจากนั้นประมาณสามสัปดาห์จึงจะได้การ์ด
2 เดือนก่อนงานแต่ง คุณควรมีการ์ดไว้กับตัวแล้ว ยิ่งถ้าแต่งงานช่วงปลายปี ยิ่งต้องรีบทำการ์ดไว้แต่เนิ่นๆ เพราะช่วงปลายปี โรงพิมพ์ทุกที่จะมีงานเยอะมาก ทั้งงานปฎิทิน งานพิมพ์การ์ดอวยพร นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่มีวันหยุดเยอะ เพราะฉะนั้นอย่านอนใจ ควรเผื่อเวลาไว้มากๆ หากเกิดข้อผิดพลาดใดๆ คุณจะได้มีเวลาแก้ไขได้ทัน
No comments:
Post a Comment